การเติบโตของฉัน ตลอดการฝึกงาน 4 เดือน 18 สัปดาห์ 124 วัน
...จากเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่เคยสอนน้องให้อ่านหนังสือ สอนให้น้องเรียนหนังสือ ให้น้องมานั่งเป็น นักเรียนแล้วตัวเองก็สอน จนขึ้นในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังคงชอบในสายงานนี้อยู่ จากความรู้สึกในวันนั้นทําให้ ริวรู้สึกชอบมาก ๆ กับการที่เราอยากเป็นครูสอนนักเรียนสักครั้งหนึ่ง ขึ้นปี 4 ถึงเวลาที่จะต้องออกไปใช้ชีวิตซึ่ง เป็นเสมือนการทํางานจริง ๆ ในชีวิตของริว ครั้งแรกก็ลังเลใจอยู่ระหว่างเกาะสมุยกับศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา แต่ก็ได้รับคําแนะนํามาจากอาจารย์ในหลักสูตร ก็เลยลองดู ลงสมัครเพื่อที่จะมาฝึกงานที่ศูนย์การเรียนไร่ส้ม วิทยา จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองติด 1 ใน 8 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากพี่เจ้าหน้าที่ แล้วก็บอกทาง บ้านว่าจะไปฝึกงานที่ไร่ส้มเชียงใหม่ ทางบ้านก็ไม่ได้ติดอะไรมาก ชอบสันบสนุนให้ได้ลองอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ วันเวลาก็ผ่านไปออกเดินทางจากจังหวัดสงขลาสู่จังหวัดเชียงใหม่กับระยะทาง 1,789 กิโลเมตร ด้วยรถไฟชั้น 2 แบบด่วนพิเศษ ทุกคนอาจจะมองว่าทําไมต้องนั่งรถไฟให้เหนื่อยด้วย 555 ริวชอบการผจญภัยอยู่แล้วเนอะ ก็เลยอยากลองดูสักครั้งกับการเดินทางตัวคนเดียว
วันแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งเลยที่ริวคิดว่ามันควร จะต้องมีคนมาฝึกงานเยอะกว่านี้ เพราะด้วยจํานวนของเด็กนักเรียนที่นี่นั้นเยอะพอสมควร ซึ่งครูแต่ละคนก็ ต้องรับผิดชอบนักเรียน 20-30 คนเลยนะ ริวเดินทางมาที่นี่ ก็จะได้ชื่อขนานนามจากเด็ก ๆ ว่า “ครูริว” เริ่ดนะ เด็ก ๆฉันว่าครูริวด้วยระยะเวลาช่วงแรกเป็นการสังเกตการณ์สอนของชั้นป.1/1ซึ่งได้ครูแอ้เป็นพี่เลี้ยงในการ สอนงาน รักครูแอ้มากๆ ที่สอนงานทุกอย่างให้กับริว ผ่านไป 1 สัปดาห์เข้าสู่การจับฉลากครูประจําชั้นกับครูพี่ เลี้ยงของตัวเองกันแล้ว ครูริวก็ได้เลื่อนจากชั้นป.1 ขึ้นไป ป.4 กันเลยทีเดียว ซึ่งก็ได้ครูเอ๋ เป็นพี่เลี้ยงคู่กัน วัน แรกๆ เลย ครูเอ๋ก็ได้ให้ริวได้พบปะกับนักเรียนที่ประจําชั้นด้วยกัน ได้ทําความรู้จักกับพวกเขาและพร้อมท่จี ะ ดูแลพวกเขาให้ได้มากที่สุดตลอดระยะเวลา 4 เดือนนี้ สิ่งที่ริวประทับใจมากๆ กับการได้มาทํางานที่นี่ คือ ริวได้ ลองโชว์ศักยภาพของตัวเองในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการสอนนักเรียนในรายวิชาภาษาไทยรายวิชาอื่นๆ การได้ลองเป็นพิธีกรในงานต่างๆ ของโรงเรียนและทั้งได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมการแสดงให้กับนักเรียนไร่ส้มอีก ด้วย
ทั้งนี้ ริวยังประทับใจอีกหลายๆ อย่างด้วยเช่นเดียวกัน รวมไปถึงตัวของเด็กนักเรียนเช่นกัน นักเรียนสอน ครู ครูสอนนักเรียน บางอย่างที่คนเป็นครูอย่างเราก็คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทํามันได้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่อง การ ดํารงชีวิตของเขาด้วยการจับปูหาปลา การช่วยงานครูในด้านการซ่อมแซมต่างๆ และอื่นๆ อีกเยอแยะไปหมด เมื่อไหร่ที่เด็กๆ เห็นว่าครูริวไม่มาโรงเรียนหรือมาโรงเรียนสาย นักเรียนก็จะไปตามครูริวที่บ้านทันทีด้วยความ เป็นห่วง พวกเขาจะไปบอกตลอดเลยว่า “ครูริวครับ วันนี้ครูไม่สบายหรอค่ะครู” บางวันก็มาหาครูในช่วง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เด็กๆ ในห้องจะมอบดอกไม้ช่อสวยๆ ให้กับครูริวอยู่เป็นประจํา มอบข้อมือดอกไม้ที่ทํา ด้วยใจนํามามอบให้ครู บางครั้งครูริวไปไหนมาไหนหลายวันก็จะมีการ์ดหรือสิ่งของนํามาให้ครูตลอดเลยอ่ะ “พวกหนูรักครูริวนะคะ” คําพูดของเด็กคํานี้ จะได้ยินอยู่ตลอดทุกวันเลย
พี่เอ๋ ถือว่าเป็นพี่เลี้ยงที่ดีของริวอีกคนหนึ่งเหมือนกันแล้วก็เป็นพ่อริวไปด้วยอีกคนหนึ่ง “พี่เอ๋หรือพ่อ เอ๋”ที่ครูริวมักจะเรียกขานอยู่เสมอ จะคอยสอนงานทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ที่เขาจะถ่ายทอดให้หมดหน้าตัด เลยก็ว่าได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ริวเคยสังเกตพี่เอ๋มาตลอดคือ พี่เอ๋จะเป็นคนที่ทํางานอะไรแล้วจริงจังกับงานมากๆ เป็น คนที่ทุ่มเทกับงานเป็นที่สุด ริวถือเป็นคนหนึ่งเลยที่ไม่เคยได้ลองทําอะไรมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องไม้
เครื่องมือในการซ่อมแซมอาคารเรียน เช่น สว่าน คีม อื่นๆ มาอยู่ที่นี่ครูริวก็สามารถเป็นช่างได้เหมือนกันนะ 555 และอีก 1 งานที่อยากจะบอกคือ งานเกษตร เป็นงานขุดๆ เจาะๆ พรวนดินในท้องทุ่ง ถือว่าเป็นอะไรที่ เด็ดจริงๆ กับการจับจอบถางป่า ถางหญ้า ปลูกผักและอื่นๆ อีกสารพัดอย่าง บอกได้เลยว่า ริวทําทุกอย่างได้ เพราะพี่เอ๋จริงๆ งานไหนที่คิดว่าตัวเองทําไม่ได้ พี่เอ๋ก็จะคอยบอกตลอดว่าทําแบบไหนอย่างไร จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงแค่ความรู้สึกสั้นๆ ที่อยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนได้รู้จักศูนย์การเรียนไร่ส้ม วิทยามากขึ้น เพราะนักเรียนที่นี่เขามีความน่ารักที่แตกต่างกันออกไปในแบบฉบับของตัวเอง เด็กๆ เหล่านี้เขา ไม่ใช้คนไทยโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาคือกลุ่มเด็กนักเรียนชายขอบที่ไม่ได้รับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเมียนมาร์ (พม่า)ไทใหญ่ปะล่องดาราอั้งหรือแม้แตย่างพวกเขาไม่ได้รับสิทธิใดๆเลยในประเทศไทยจะเข้าโรงพยาบาล
ในแต่ละครั้งก็ต้องเสียสตางค์ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ที่พวกเขาได้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทยเพราะภัยศึกสงครามที่เกิดขึ้น ในบ้านเกิดของเขา พวกเขาจึงเอาตัวรอดด้วยการหนีตายมาหวังพึ่งประเทศไทยเราซึ่งมีชายแดนเป็นประเทศ เพื่อนบ้านกันนั้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนกลุ่มนี้จะต้องอดทนอีกเพียงใดหรือพวกเขาจะต้องได้รับสิทธิใด เหมือนกับคนไทยบ้าง เพียงแค่พวกเขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน พวกเขาก็คงดีใจแล้ว นี่คือทั้งหมดที่ “ริวหรือครูริว” อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวให้ทุกคนได้ฟัง....
******************
ครูนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา
นายพสธร รักเมือง ครูริว
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา